ความจำเป็นที่ต้องมีแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม

              ในการจัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมในครั้งนี้ จะทำให้ส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ได้นำแผนแม่บทเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทางเกษตรกรรม ในระยะปี 2568 – 2573 ซึ่งจะทำให้เกิดผลประโยชน์ในภาพรวม ดังนี้
          1. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต = เกษตรกรไทยมีต้นทุนการผลิตที่สูงและผลผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมจะกำหนดแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกร
          2. การสร้างความยั่งยืนในภาคการเกษตร = การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้การเกษตรสามารถดำเนินไปได้ในระยะยาว แผนแม่บท เพื่อพัฒนาเกษตรกรรมจะให้แนวทางในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติเชิงนิเวศวิทยาทางการเกษตร เช่น ดิน น้ำ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเกษตร
          3. การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร = ปัญหาหนี้สินเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เกษตรกรมีความยากจน แผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมจะกำหนดแนวทางในการสร้างรายได้จากการยกระดับภาคการเกษตรสู่การผลิตเพื่อการค้าและการเพิ่มมูลค่าผลผลิต การจัดการหนี้สินและการเข้าถึงแหล่งทุนที่มีดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้เกษตรกรสามารถแบ่งเบาภาระหนี้สินหรือสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ในระยะเวลาไม่นาน ทำให้สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้
          4. การเสริมสร้างความร่วมมือและการรวมกลุ่มของเกษตรกร = การรวมกลุ่มและความร่วมมือระหว่างเกษตรกรจะช่วยสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มอำนาจการต่อรองและการแบ่งปันทรัพยากร แผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมจะส่งเสริมการสร้างเครือข่ายและการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการตลาด
          5. การพัฒนาตลาดและการเข้าถึงตลาด = เกษตรกรไทยมีปัญหาในการเข้าถึงตลาดที่เป็นธรรมและมีรายได้ที่มั่นคง แผนแม่บท
เพื่อพัฒนาเกษตรกรรมจะช่วยสร้างศักยภาพ กระบวนการ และกลไกใหม่ๆ ที่จะเชื่อมโยงระบบการตลาดที่เป็นธรรมและสนับสนุนการเข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสม และมีรายได้ที่ยั่งยืน
          6. การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีผลกระทบต่อภาคการเกษตร แผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมจะมีแนวทางในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยเกษตรกรมีความเข้าใจ เตรียมความพร้อมและปรับตัวเข้าสู่รูปแบบการเกษตรแบบใหม่ที่จะลดผลกระทบดังกล่าว เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          7. การเสริมสร้างความรู้และทักษะของเกษตรกรเกษตรกรที่มีความรู้และทักษะพื้นฐานในการจัดการระบบการผลิตทางการเกษตรสามารถใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ แผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมจะสนับสนุนการศึกษา อบรม และการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เกษตรกร เพื่อให้พวกเขาสามารถยกระดับศักยภาพทางการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          สรุปได้ว่า แผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม มีความจำเป็นและสำคัญเป็นอย่างมาก อาจถือได้ว่าเป็นเครื่องมือเชิงกระบวนการและกลไกที่จะสร้างฐานศักยภาพในการขับเคลื่อนการพัฒนาและเสริมความแกร่งให้แก่ภาคเกษตรกรรมของประเทศ ที่จะส่งผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตการสร้างความยั่งยืนทางเกษตร การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร การสร้างเครือข่าย การรวมกลุ่มของเกษตรกร การพัฒนาตลาดการส่งออก การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ รวมทั้งสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในบริบทและวิถีใหม่ของโลก